กว่าจะมาเป็น “ คราม ”
กว่าจะมาเป็น ผ้าคราม ที่ลายสวยงาม การผลิตผ้าย้อมครามธรรมชาติ ต้องผ่านขั้นตอนและใช้กรรมวิธีการผลิต บวกกับรายละเอียดต่างๆมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะมาเข้าใจกันง่ายกันนะคะ
“สีคราม” เป็นสีย้อมธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มานานกว่า 6000 ปี ใน การย้อมสีคราม เป็นการย้อมที่มีความพิเศษ และความแตกต่างจากการย้อมสีธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ระหว่างคนในครอบครัวและในชุมชน เป็นการเชื่อมโยงขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆเข้าด้วยกัน และส่งต่อสืบทอดภูมิปัญญา ที่แฝงจิตวิญญาณจากรุ่นสู่รุ่น
1 ปลูกต้น :
เริ่มจากปลูก “ต้นคราม” ให้มีอายุที่เหมาะสม อายุได้ 3-4 เดือน ก็ทำการเก็บเกี่ยวได้ แล้วนำต้นครามมาแช่เพื่อทำน้ำครามสำหรับย้อม ผ้าย้อมคราม
2) น้ำคราม :
เริ่มด้วยการเก็บใบครามสด ที่สำคัญคือต้องเก็บตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำครามมาก หากเก็บในเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วจะทำให้ครามที่เก็บเหี่ยวส่งผลให้ได้ปริมาณน้ำครามน้อย แช่ใบครามสดในภาชนะ กดใบครามให้แน่น เติมน้ำให้ท่วมหลังมือแช่ไว้ 10-12 ชั่วโมง จึงกลับใบครามข้างล่างขึ้นทับส่วนบน แช่ต่อไปอีก 10-12 ชั่วโมง ใบครามจะถูกสลาย (hydrolyse) ให้สีคราม (indoxyl) ออกมาอยู่ในน้ำครามได้มากที่สุดในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ได้น้ำครามใส สีฟ้าจาง จึงแยกกากใบครามออก
3) ผ้าย้อมคราม :
ในขั้นตอนของการย้อมครามจะมีส่วนผสมอื่นๆขั้นตอนการย้อมที่สืบทอดกันมาแต่อดีตเพื่อให้ได้ผ้าครามที่สีสวยและสีไม่ตก หลังจากนั้นก็นำเส้นฝ้ายลงย้อม จะได้เส้นฝ้ายสีฟ้าครามสวยงามสีไม่ตก หรือหากต้องการผ้าฝ้ายที่มีลวดลายต่างๆ จะต้องผ่านขั้นตอนของการมัดเพื่อให้ได้ลายที่ต้องการ
จะมีทั้งลายที่คิดขึ้นใหม่ ลายที่สืบทอดกันมา หรือลายที่ประยุคผสมผสานกัน เรียกขั้นตอนนี้ว่าการมัดหมี ซึ่งจะต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก จึงจะได้ ผ้าย้อมคราม ที่สีสวยธรรมชาติ
4) การทอมือ:
เมื่อได้เส้นผ้าฝ้ายแล้วจึงจะนำมาเข้าขั้นตอนการทอซึ่งผ้าของเราใช้วิธีการทอมือที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ถือได้ว่าเป็นมรดกทางภูมิปัญาที่สืบทอดกันมายาวนาน